สวดพระอภิธรรม เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระอุโบสถวัดเครือวัลย์ วรวิหาร

สวดพระอภิธรรม เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุลศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร 
 ณ พระอุโบสถวัดเครือวัลย์ วรวิหาร 











บรรยากาศยามค่ำคืน วัดเครือวัลย์วรวิหาร











ศรัทธา


ศรัทธา ในพระพุทธเจ้า คือ
ศรัทธาใน  พระบริสุทธิคุณ
                  พระปัญญาธิคุณ
                   พระมหากรุณาธิคุณ
มีศรัทธา อย่างเดียว ทำอะไรจะไม่สำเร็จ ต้องมีวิริยะ  คือความเพียร
คือต้องลงมีอทำ
วิริยะ  มี 2 ประเภทคือ
1.สสังขาริกวิริยะ   คือความเพียรที่
                              ต้องอาศัยผู้อื่น
2.อสังขาริกวิริยะ   คือความเพียรที่
                               เกิดขึ้นเอง
วิริยะ (ความเพียร) มี 4 ขั้นตอน คือ
1.เพียรระวัง  ระวังไม่ให้บาปเกิดกับ
                      กาย วาจา ใจ
2.เพียรละ      เมื่ออกุศลเกิดขึ้นต้อง
                      หาทาง ละอกุศล
                     ที่เกิดขึ้นกับ กาย
                      วาจา ใจ
3.เพียรสร้าง   เพียรสร้างกุศลให้
                       ให้เกิดขึ้น  กับใจ
4.เพียรรักษา  รักษาความดี
                       ที่เราทำ
บุคคลล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร ผู้มีศรัทธาต้องมีวิริยะ  ถ้าขาดวิริยะทุกอย่างไม่เกิดผล

กว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้า

ธรรมชาติแห่งชีวิต

ธูปสามดอก หมายถึงอะไร

ธูป 3 ดอก บูชาพระพุทธเจ้า

ความหมาย

ดอกที่ 1 อะระหัง =พระบริสุทธิคุณเป็นผู้ไกลจากกิเลส

ดอกที่ 2 สัมมาสัมพุทโท =พระปัญญาธิคุณ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง

ดอกที่ 3 ภะคะวา = พระมหากรุณาธิคุณ เป็นผู้จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ .

12 สิงหาคม เทศน์เรื่องพระคุณแม่ที่ วัดเครือวัลย์วรวิหาร



พระคุณแม่


ทรหฺมาติ มาตาปิตโร ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร

อาหุเนยฺย จ ปุตฺตาน ปชาย อนุกมฺปกา

‘มารดาบิดาทั้งหลาย ผู้เอ็นดูประชา ชื่อว่า เป็นพรหม เป็นบุรพาอาจารย์ และเป็นอาหุไนย ของบุตรทั้งหลาย’

(อง. จตุก. ๒๑/๙๒)


๑. แม่ : หญิงในฐานะผู้ให้กำเนิดลูก , คำที่ลูกเรียกผู้ให้กำเนิ
 แม่โดยความเป็นใหญ่ : แม่ทัพ แม่กอง แม่บ้าน แม่คงคา แม่ธรณี แม่โพสพ ฯลฯ
.
๒. แม่ในฐานะเป็นพรหมของบุตร : คือ ผู้ประเสริฐ เป็นผู้ลิขิตชีวิตลูก เพราะประกอบด้วยจิตที่มีพรมมวิหาร คือ
- เมตตาต่อบุตร : รักใครเอาใจใส่ ถนอมเลี้ยงให้เจริญเติบโต ( เมื่อลูกยังเล็กเป็นเด็กเยาว์วัย )
- กรุณาต่อบุตร : ห่วงใยปกปักรักษา หาทางบำาบัดแก้ไข ( เมื่อลูกเจ็บไข้เกิดมีทุกข์ภัย )
- มุทิตาต่อบุตร : พลอยปลาบปลื้มใจ หรือหวังให้ลูกงามสดใสอยู่นานเท่านาน ( เมื่อเติบโตดูแลตนได้ )
- อุเบกขาต่อบุตร : มีใจนิ่งสงบเป็นกลาง วางเฉยคอยดู ( เมื่อลูกรับผิดชอบกิจหน้าที่ของตนขวนขวายอยู่ด้วยดี )

๓. แม่ในฐานะเป็นครูคนแรกของบุตร : มีวิญาญาณแห่งความเป็นครูอยู่เสมอ สองด้วยความรัก ไม่เลือกเวลา และสถานที่ ของเพียงมีโอกาสสอน ทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต คือ
- สอนลูกให้รู้จักโลกและชีวิต
- สอนลูกให้รู้จักระวังภัยและการมีชีวิตรอด
- สอนลูกให้รู้ ถูก ผิด ดี ชั่ว
- สอนลูกโดยไม่ผูกผันกับกาลเวลา
.
๔. แม่ในฐานะเป็นทีนับถือของบุตร : ทำตนให้เหมาะสม ควรแก่การยกย่องสรรเสริญ บุคคลควรยกแม่ไว้เหนือเศรียรเกล้า เพราะเหตุนี้คือ
- แม่ควรแก่การบูชา : เพราะเป็น..อาหุไนยบุคคล
- แม่ควรแก่การตอนรับ : เพราะเป็น..ปาหุไนยบุคคล

๕. แม่ในฐานะเป็นผู้อนุเคราะห์ : ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูกอย่างสม่ำเสมอ ไม่รู้จักคำว่า เหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่อยเฝ้าคอยให้ความเกื้อกูลลูก ดังนี้
- เป็นเหมือนเทวดาคอยปกป้องรักษาลูก
- เป็นธนาคารของลูก
- เป็นผู้เสียสละเพื่อลูก
- เป็นผู้ให้ตลอดกาล

๖. สิ่งที่ควรปฎิบัติต่อแม่ : บุตรควรปฎิบัติต่อแม่ในทุกๆ โอกาส.. “รักแม่ทุกวัน..เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ..เลี้ยงดูท่านทั้งกายและใจ “ เมื่อท่านจากไป..ควรปฎิบัติต่อคำสั่งสอนของแม่..ดังนี้
- ทำหน้าที่เป็นบุตรที่ดี
- มีความกตัญณูกตเวที

“ เป็นพระพรหม พร้อมลิขิต ชีวิตลูก

เป็นครูปลุก ลูกศิษย์ คิดแก้ไข

เป็นผู้ที่ นับถือ ระบือไกล

เป็นผู้ให้ ตลอดกาล คือ มารดา"

ที่มา : บัณฑิตอุดร